ไมเคิล คอนแลน ยอดนักชก ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์มวยโอลิมปิก

ไมเคิล คอนแลน สุดยอดนักชกที่ เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์มวยโอลิมปิก เรียกได้ว่าเป็นปัญหาโลกแตก สำหรับการให้คะแนนตัดสินกับกีฬามวยสากล คือเรียกได้ว่าเป็นปัญไม่ได้สักทีไม่มีวันจบสิ้น ถึงแม้ใน โอลิมปิก เกมส์ โตเกียว 2020 คณะกรรมการโอลิมปิกหรือไอโอซี จะจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจเข้ามาควบคุมการแข่งขันเองแทนที่ไอบาซึ่งทำมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนผู้ตัดสินแล้วก็ยังมีการตัดสินค้านสายตาเกิดขึ้นหลายคู่ จนหลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วสมัยไอบาทำมันแย่ขนาดไหนถึงกับต้องโดนถอนรากถอนโคน เอาเป็นว่าจะย้อนเวลากลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพื่อติดตามเบื้องลึกเบื้องหลัง ของไฟต์ที่ว่ากันว่าเป็นจุดเริ่มต้นการล่มสลายขององค์กรกำปั้นสุดอื้อฉาวนี้

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าในกีฬามวยสากล มีหลายครั้งหลายคราวที่ต้องยอมรับว่า ผลการชกนัดอาจจะไม่เป็นไปตามความคิดของโค้ชหรือว่าผู้ชม และสิ่งสำคัญที่สุดหลังจบเกมบางครั้งอาจจะมีผลที่น่าพอใจ และอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างมันมาจากการตัดสินด้วยสายตาย่อมเป็นเรื่องยากที่จะมีมาตรฐานเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามปัญหานี้ถ้าหากว่ามีไฟต์ที่ฝ่ายหนึ่งเหนือกว่าอย่างชัดเจนจนแทบจะเรียกได้ว่าต้อนอยู่ฝ่ายเดียว แต่ฝ่ายที่เป็นรองกลับชนะคะแนนไปอย่างค้านสายตา ไฟต์นั้นคงต้องนำมาพิจารณาแล้วว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรที่ไม่ชอบมาพากลหรือไม่

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตราบาปที่ยังคงฟังแน่นและอยู่ในประวัติศาสตร์สำหรับไฟต์ที่ ไมเคิล คอนแลน แพ้คะแนน วลาดิเมียร์ นิกิติน คู่แข่งชาวรัสเซียในรอบก่อนรองชนะเลิศมวยสากลสมัครเล่น รุ่นแบนตั้มเวต ในโอลิมปิก เกมส์ ปี 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ตัวย้อนกลับไปตอนนั้นกรรมการผู้ตัดสินนั้นก็คือ โอลิมปิกสากล (ไอโอซี) โดยหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องใหญ่และได้มีการสอบสวนกับ เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างจังจนขยายผลไปถึงการสั่งแบน สมาคมมวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ ห้ามเป็นผู้จัดการแข่งขันในโอลิมปิกครั้งต่อมาที่ กรุงโตเกียว 2020

จะพาย้อนไปดูไฟต์ดังกล่าว มันสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับ วงการกำปั้นโลกเพียงใด ย้อนกลับไป คอนแลน เขาคนนี้นั้นไม่ธรรมดาเพราะการันตีด้วยการเป็นแชมป์โลกและแชมป์ยุโรปปี 2015 และดีกรีได้คว้าเหรียญทองแดงจากโอลิมปิกที่ กรุงลอนดอน มาแล้วอีกด้วย อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเขานั้นได้ยินข่าวลือมาตั้งแต่ก่อนถึง ริโอ เกมส์ แล้วว่าจะมีการโกงเงินเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเขาก็จะไม่ได้รับการตัดสินอย่างเป็นธรรมแน่ๆ หรือถูกปล้นชัยชนะ

และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ปะทุขึ้น ช่วงการแข่งขันข่าวลือทวีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ที่ไม่โปร่งใสที่อยู่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดดูจะรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่ทีมงานพยายามปิดข่าวไม่ให้รู้ไปถึงหูของนักชกชาวไอริช แต่การอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬาต้องยอมรับว่าการปิดข่าวนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะสามารถดับไฟที่มันกำลังร้อนอยู่ในตอนนนั้นได้ และแล้วก็ถึงวันแข่ง คอนแลน โดยรายการนี้นั้นเขาถูกจับตามองเป็นพิเศษ จาก ฟอร์มการชกที่มันสุดยอด, ประสบการณ์ที่ดีในเวทีระดับ World Class และโมเมนตัมในขณะนั้น ในรอบแรกหรือรอบ 32 คน ไปรอในรอบ 16 คนสุดท้ายเนื่องจากได้รับการจัดอันดับเป็นมือหนึ่งของรายการ

แน่นอนว่าจากการที่เป็นตัวเต็งนั้นก็โชว์ฟอร์มสุดยอดกับการที่เขานั้น เอาชนะ อาราม อาวาคยาน จาก อาร์เมเนีย ได้อย่างไม่มีปัญหา 3-0 เสียง ก่อนจะทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศไปแบบสบายๆ ซึ่งหากเก็บชัยได้อีกไฟต์เดียวก็จะมีเหรียญทองแดงมาตุนอยู่ในมือพร้อมกับขยับเข้าใกล้ความฝันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า เขายังไม่รู้ชะตากรรมอย่างแท้จริงว่าเขานั้นกำลังเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว สำหรับมือที่มองไม่เห็น

อย่างไรก็ตามในรอบตัดเชือกนั่นก็คือรอบชนะเลิศนั้นทางด้านคอนแลน ได้ดวลฝีมือ วลาดิเมียร์ นิกิติน โดยนักชกรายนี้ เขาเคยเอาชนะเจ้าตัวมาแล้วในศึกชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2013 แต่ครั้งนี้นั้นมันไม่เหมือนครั้งก่อน  คอนแลน เป็นต่ออย่างมากทั้งฟอร์มและสภาพร่างกาย ขณะเดียวกัน นิกิติน ก็ขึ้นสังเวียนในสภาพบอบช้ำ มีรอยการเย็บจากแผลแตกที่ชัดเจน หลังจากในรอบที่ผ่านมาเจอศึกหนักกับ ฉัตร์ชัย บุตรดี  เมื่อถึงเวลาชก คอนแลนก็สัมผัสได้ทันทีว่าไฟต์นี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง หลังได้รับการเตือนจากกรรมการบนเวทีเรื่องศีรษะทั้งที่ระฆังเริ่มชกยังไม่ดังด้วยซ้ำ

โดยต้องยอมรับว่าในช่วงยุคแรกนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี แทบจะไม่เจอปัญหาอะไรให้หนักใจแม้แต่น้อย ซึ่งจะเห็นได้ว่าทางด้านนักชกจากไอริชเหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจนที่ออกอาวุธได้รวดเร็วแม่นยำ ขณะที่ นิกิติน ซึ่งปล่อยมันออกมานั้นไม่โดนเป้าแม้แต่น้อย ซึ่งพอถึงช่วงพักยก คอนแลนก็อยู่ในอาการผ่อนคลายรอคอยเสียงระฆังครั้งใหม่ ที่ไม่โปร่งใสมันก็เกิดขึ้นนั่นก็คือว่าเพื่อนนักชกร่วมชาติก็แจ้งข่าวสุดช็อกให้ได้ยินว่า นิกิตินกลับได้คะแนนเหนือกว่าในยกแรกซะอย่างนั้น

อะไรก็ตามโดยเจ้าตัวได้เปิดใจว่าตอนนั้น “ผมรู้เลยในตอนนั้น” ข้อมูลที่ได้รับทำให้เขาแน่ใจเรื่องข่าวลือ และรู้ดีว่าเส้นทางในโอลิมปิกของเขาจบลงแล้ว ความฝันในวัยเด็กของเขาต้องจากไปตลอดกาล อย่างไรก็ตามถึงแม้ในใจจะผิดหวัง แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป คอนแลนเปิดเกมบุกมากขึ้นในยกที่ 2 ซึ่งเจ้าตัวยิ่งแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นอย่างชัดเจนมากกว่ายกแรก “ผมใส่ไม่ยั้งจนเขาออกอาการ แต่แล้วเธอ(กรรมการ) ก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับคำเตือน แล้วผมจะเลือกอะไรได้ มันไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้ผมเป็นผู้ชนะ” ยกสุดท้าย รูปเกมการชกไม่ได้ผิดแผกแปลกไปจากสองยกแรก คอนแลนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่นิกิตินอยู่ในสภาพยับเยิน ไม่ว่าใครได้เห็นก็มองออกว่าผู้ใดจะได้รับการชูมือในตอนสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันทำให้ความน่าเชื่อถือ และมนต์ขลังของความตัดสินใจนะมันขาดกระจุย หลังนิกิตินได้รับการชูมือทั้งที่เลือดอาบทั่วใบหน้า ด้วยคะแนนอันเป็นเอกฉันท์ 3-0 เสียง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเรียกความสนใจจากคนทั้งโลก เมื่อผู้ถูกปล้นชัยชนะถอดเสื้อกล้ามของตัวเอง ยืนหยัดอยู่บนเวทีด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว พลางระบายความคิดของตัวเองที่มี ต่อกรรมการให้คะแนนพร้อมกับชูนิ้วกลางเป็นของแถม ก่อนจะลงจากสังเวียนด้วยไฟแห่งความคับแค้น และปิดท้ายด้วยคำสัมภาษณ์อันดุดัน ถึงแม้ว่ามันจะแสดงอาการไม่ให้เกียรติผู้ต่อสู้ แต่มันกลับเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ โอลิมปิกไปตลอดกาล

และแน่นอนสิ่งที่ตามมานั่นก็คือว่า ความยุ่งเหยิง คอนแลนเขาถูกลงโทษถึงเรื่องที่กรรมไม่เหมาะสม ออกจากหมู่บ้านนักกีฬาในคืนวันนั้นทันที และไล่แสดงความเห็นโจมตีเจ้าหน้าที่ของไอบาที่เป็นฝ่ายจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทั่วโลกต่างประณามการตัดสิน มวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกต้องพบกับความอับอาย จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไอโอซีเริ่มต้นกระบวนการสอบสวนอย่างจริงจัง พร้อมกับชี้ว่าผลการตัดสินไฟต์ คอนแลน-นิกิติน เป็นตัวนำให้พวกเขาปฏิวัติองค์กร ไอบาซึ่งตกเป็นข่าวเรื่องคอร์รัปชั่น มาตลอดถูกลงโทษแบน ถึงแม้จะยังมีการแข่งขันชกมวยใน โตเกียว เกมส์ ปี 2020 แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนจาก ริโอ เกมส์ ได้รับเลือกอีกครั้ง เพราะหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เราก็อาจไม่ได้เห็นกีฬามวยในโอลิมปิกอีกต่อไป

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย