เบอร์นาร์ด ฮ็อปกิ้นส์ 1 ใน 5 สุดยอดนักชกที่ แก่แต่เก๋า เป็นที่ทราบกันดีว่านี่มันเป็นกฎของกีฬาทุกประเภท สำหรับอายุ เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่ว่าท่านนั้นจะเก่งกาจมาจากไหนแต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องยอมแพ้เมื่อคืนความเป็นธรรมชาติ และหากพูดถึงโดยทั่วไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของนักมวย ที่พีกที่สุดของนักมวยจะอยู่ระหว่างอายุ 28 ถึง 35 ปี เพราะหลังจากนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าสภาพร่างกายของนักกีฬานั้นก็จะโรยราไปตามกาลเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่มีจีรังและยั่งยืน มันเป็นสัจธรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าจะมาเหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาติสำหรับ นักชกที่ แก่แต่เก๋า สำหรับนักชกจำพวกหนึ่งที่มีประสาทสัมผัสพิเศษเหนือคนอื่น ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเหมือนพระเจ้าจงใจให้พวกเขานั้นเก่งกว่าคนอื่น เลยทำให้พวกเขาเข้าใจสภาพร่างกายของตัวเอง และหันมาใช้เทคนิครวมทั้งทักษะเพื่อทดแทนความถดถอยของพละกำลัง ซึ่งนักมวยประเภทนี้นานวันเข้าพวกเขายิ่งเฉลียวฉลาดและมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น จนสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธเพื่อเอาชนะนักชกรุ่นน้องที่หนุ่มแน่นและแข็งแรงมากกว่าลงได้
เชื่อว่าหลายคนเชื่อมาตลอด และปัจจุบันนี้ก็ยังเชื่ออย่างนั้นว่า มวยเป็นกีฬาของคนหนุ่มเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหากพวกคุณรู้จักนักชกเหล่านี้ พวกท่านทั้งหลายจะเปลี่ยนความคิดไปอย่างสิ้นเชิง ความคิดเดิมๆนะมันได้พังทลายลงไปอย่างแน่นอน แล้ววันนี้พิเศษจริงๆเราจะพาไปรู้จักกับ 5สุดยอดนักชกที่พิสูจน์ให้เห็นว่า อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข
5.จอร์จ โฟร์แมน บุคคลนี้นั้นเรียกว่าทั่วโลกรู้จักเขาเป็นอย่างดี สำหรับการที่เขานั้นได้เปิดธุรกิจใหญ่โตโด่งดังไปทั่วโลกนั่นก็คือ ธุรกิจเตาย่างบาร์บีคิว เพื่อสุขภาพ ย้อนกลับไปในอดีตนั้นทางด้าน จอร์จ โฟร์แมน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนักมวยที่ต้องยอมรับเลยว่าโด่งดังเป็นอย่างมาก ดีกรีเป็นระดับแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 2 สมัยมาก่อน ซึ่ง “บิ๊กจอร์จ” จัดเป็นนักมวยประเภทหมัดหนัก ไล่น็อกคู่แข่งมานักต่อนักในช่วงปี 1969 และ 1997 โดยในช่วงพีก ๆ โฟร์แมนทำให้คู่ชกหลายคนขวัญผวา แม้จะเป็นฝ่ายแพ้น็อกครั้งแรก และครั้งเดียวในอาชีพต่อยอดมวยอย่าง มูฮัมหมัด อาลี ในไฟต์ “Rumble in the Jungle” อันโด่งดัง แต่เขาก็ยังประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายกำปั้นยาวนานกว่า 2 ทศวรรษหลังจากไฟต์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้ประกาศแขวนนวม โดยครั้งนั้นเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกครั้งแรกตั้งแต่อายุเพียง 28 ปี แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาประกาศขึ้นสังเวียนอีกครั้ง อีก 10 ปีให้หลังด้วยวัย 38 ปีย้อนกลับไปตอนนั้นเชื่อว่าหลายคนเจอสภาพแล้วต้องยอมรับจริงๆว่าไม่เหลือเค้านักกีฬาจนแฟนมวยหลายคนนั้นมองเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องตลก
แฟนมวยทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันหมดยุคไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นแบบสร้างความเซอร์ไพรส์ไปทั่วโลก เพราะผลสุดท้าย โฟร์แมนเก็บชัยชนะ 24 ไฟต์รวด เป็นการชนะน็อกถึง 22 ไฟต์ก่อนจะได้ขึ้นชิงแชมป์โลก 3 สถาบันกับ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ และเป็นฝ่ายแพ้คะแนนอย่างเอกฉันท์ อย่างไรก็ตามโฟร์แมนได้ชิงแชมป์โลกอีกครั้งใน 4 ไฟต์ต่อมาแต่ก็ต้องปราชัยต่อ ทอมมี่ มอร์ริสัน พลาดคว้าเข็มขัดดับเบิ้ลยูบีโอที่ว่างอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นาน12 เดือนต่อมา โฟร์แมน ที่อายุอานามปาเข้าไป 46 ปีก่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่กับการที่เขานั้นได้ชิงแชมป์โลกอีกครั้ง และคู่ชิงของเขานั้นเรียนตามตรงว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ไฟแรงซึ่งเด็กหนุ่มนั้นก็คือ ไมเคิล มัวเรอร์ แชมป์ ไอบีเอฟ และ ดับเบิ้ลยูบีเอวัย 27 ปีแค่ดีกรีก็คงขวัญคู่ต่อสู้แล้วเพราะไอ้เด็กหนุ่มคนนี้นั้นยังไม่เคยแพ้ใคร
แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นคงเดากันง่ายและ ไม่ดูมวยก็สามารถจะเดาได้แล้วว่าใครนั้นจะสามารถเป็นแชมป์ แต่เมื่อถึงยก 10 โฟร์แมนก็ออกหมัดขวาทิ่มเข้าปลายคางส่งคู่ชกลงไปนอนกับพื้นเวที กลายเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2ในอาชีพ และครองสถิติแชมป์โลกอายุมากที่สุดในรุ่นเฮฟวี่เวตมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ไฟต์สุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในปี 1997โฟร์แมนแพ้คะแนนแชนนอน บริกก์ส ก่อนประกาศแขวนนวมในวัย 48ปี ยุติอาชีพด้วยสถิติชกชนะ 78 แพ้ 5ไฟต์ซึ่งเป็นการชนะน็อกถึง 68ไฟต์เลยทีเดียว
4.อาร์ชี่ มัวร์ ปัจจุบันนี้ถูกยกให้เป็นนักชกรุ่นเก๋าที่ประสบความสำเร็จมากอีกคนหนึ่ง ย้อนกลับไปในอดีตในปี 1956ขณะที่ มัวร์ อายุ 40ปี นักชกรายนี้นั้นเคยสร้างคนงานเอาไว้อย่างยอดเยี่ยมและน่าจดจำในฐานะแชมป์โลกรุ่น ไลต์ เฮฟวี่เวต และผลงานอันเยี่ยมยอดสามารถครองตำแหน่งยาวนานไปอีก 4 ปี หลังจากนั้น ซึ่งความจริงแล้วมัวร์มักจะขึ้นสังเวียนดวลดำปั้นกับนักชกที่ตัวใหญ่กว่าเขาในรุ่นเฮฟวี่เวต และจะลงมาต่อยรุ่นไลต์ เฮฟวี่เวตก็ต่อเมื่อต้องป้องกันแชมป์เท่านั้น แต่ไม่ว่าจะชกในรุ่นอะไร สไตล์ส่วนใหญ่ของเขาก็ยังคงเดิมคือฟุตเวิร์กที่ยอดเยี่ยมบวกกับการป้องกันที่เหนียวแน่น พร้อมกับหมัดที่หนักพอจะส่งคู่แข่งร่วงลงไปกองกับเพื่อนเวที
อย่างไรก็ตามไฟต์สุดท้ายของเจ้าตัวนั้นได้เกิดขึ้นในปี 1963โดยสามารถเอาความเก๋าชนะน็อก ไมค์ ดิบิอาซี่ ซึ่งนักชกลายนี้นั้นไม่ได้เป็นนักชกอาชีพ ถ้าเป็นนักมวยปล้ำอาชีพที่ขึ้นชกมวยเป็นไฟต์แรกในยกที่ 3 ก่อนจะประกาศแขวนนวมในวัย 47ปี พร้อมสถิติอันน่าตกตะลึงคือชนะ 186แพ้ 23และเสมอ10ไฟต์ โดยเป็นการชนะน็อกถึง132ไฟต์ มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์วงการมวย เป็นรองเพียงบิลลี่ เบิร์ดเจ้าของสถิติชนะน็อก138ไฟต์เพียงคนเดียวเท่านั้น
3.แลร์รี่ โฮล์มส์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนักชกที่สามารถทำให้รู้ว่าความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้จริงๆถ้ามีความพยายามมาก หากย้อนกลับไปในอดีตซึ่งครั้งนั้น แลร์รี่ โฮล์มส์ แพ้น็อกยก 4ต่อ ไมค์ ไทสัน เมื่อปี 1988 ซึ่งแน่นอนว่าความพ่ายแพ้ดังกล่าวนั้นทำให้หลายคนมองว่าเขาน่าจะหมดอนาคตในวงการมวยแล้วในวัย38ปีในขณะนั้นจบลงแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้นก็เพิ่งแพ้ ไมเคิล สปิงซ์ 2 ไฟต์ติด แต่เจ้าของฉายา “มือสังหารแห่งอีสตัน” เลือกที่จะสู้ต่อไปซึ่งมันกลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ซึ่งทางด้าน โฮล์มส์ ก็รู้ดีและลึกซึ้งในการชกรุ่นเฮฟวี่เวต อย่างไรก็ตามและรู้ดีว่าการชกดังกล่าวนั้นไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากกมายนัก และด้วยการที่ จอร์จ โฟร์แมน ยังประสบความสำเร็จ โฮล์มส์จึงเชื่อว่าตัวเองก็ทำได้เช่นกัน โดย 3 ปีต่อมาหลังจากแพ้ไทสัน โฮล์มส์ในวัย 41 ปีกลับขึ้นสังเวียนอีกครั้งและชนะทีเคโอ ทิม แอนเดอร์สัน ตั้งแต่ยกแรกนับจากนั้นโฮล์มส์ก็ขึ้นสังเวียนอีก 23 ไฟต์ชนะ 20 แพ้เพียง 3 ไฟต์ ซึ่งเป็นไฟต์ชิงแชมป์โลกทั้งหมด ก่อนจะปิดฉากอาชีพหลังชนะคะแนน เอริค “บัตเตอร์บีน” เอสช์ เมื่อปี 2002 ด้วยวัย 53 ปี
2.โรเบร์โต้ ดูแรน เรียกได้ว่าถ้าหากย้อนไปในอดีตนั้นจะรู้เลยว่าสไตล์การชกของนักชกรายนี้นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หลายคนและแฟนมวยทราบกันดีว่านักชกรายนี้นั้นเป็นอีกหนึ่ง นักมวยที่มีส่วนผสมของความดุดันและพละกำลัง ในช่วงจุดพีกของอาชีพเจ้าตัวไล่ถลุงคู่แข่งเป็นว่าเล่นและกลายเป็นนักชกที่น่ หวาดหวั่นที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากพ้นช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้ว ดูแรนก็ยังคงขึ้นสังเวียนต่อไปแม้จะอายุเพิ่มมากขึ้นและสภาพร่างกายไม่ได้ดีเหมือนเดิม
ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าเป็นหนึ่งนักชกที่มีความฉลาดในการชกเป็นอย่างมาก เฉียบแหลมและลีลาท่าทางเรียนชกยอดเยี่ยม ชนิดที่ต้องยอมรับเลยว่าไม่เป็นสองรองใคร อย่างไรก็ตามจากการที่เขานั้น พึ่งพากายภาพและพละกำลังในการชก แต่ดูแรนในวัยเก๋าอาศัยเทคนิค, การกะช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และการบุกอันชาญฉลาด ขณะเดียวกันปฏิกิริยาตอบสนองในเชิงรับของเขายังคงเฉียบคมพอที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายหรือลดทอนความเสียหายได้ จึงทำให้ยืนระยะได้อย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตามด้วยการมีสติปัญญาที่เฉียบแหลมและและลีลาการชกอันสุดยอดทำให้เขานั้นยังคงเดินหน้าอยู่ในวงการแบบไม่กลัวใคร อย่างไรก็ตามจากการที่เขานั้น พึ่งพากายภาพและพละกำลังในการชก แต่ดูแรนในวัยเก๋าอาศัยเทคนิค, การกะช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และการบุกอันชาญฉลาด ขณะเดียวกันปฏิกิริยาตอบสนองในเชิงรับของเขายังคงเฉียบคมพอที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายหรือลดทอนความเสียหายได้
จึงทำให้ยืนระยะได้อย่างยาวนาน แล้วสุดท้ายสำหรับชัยชนะครั้งสุดท้ายในอาชีพของเขา เกิดขึ้นในปี 2000 โดยเป็นการชนะคะแนน แพทริก กูสเซ่น ก่อนจะแพ้ เฮคเตอร์ คามาโช่ ในปีต่อมา หลังจากนั้นเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรงทำให้ต้องประกาศแขวนนวมในวัย 50 ปี พร้อมกับสถิติชก 119 ไฟต์ ชนะ 103 ไฟต์ ซึ่งเป็นการชนะน็อก 70 ไฟต์ แพ้ 16 ไฟต์ จึงทำให้ยืนระยะได้อย่างยาวนาน แล้วสุดท้ายสำหรับชัยชนะครั้งสุดท้ายในอาชีพของเขา ไฟต์ดังกล่าวมันเกิดในปี 2000โดยเป็นการชนะคะแนน แพทริก กูสเซ่น ก่อนจะแพ้ เฮคเตอร์ คามาโช่ ในปีต่อมาหลังจากนั้นเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรงทำให้ต้องประกาศแขวนนวมในวัย50ปีพร้อมกับสถิติชก119ไฟต์ ชนะ103ไฟต์ ซึ่งเป็นการชนะน็อก 70 ไฟต์ แพ้ 16 ไฟต์
1.เบอร์นาร์ด ฮ็อปกิ้นส์ ปัจจุบันนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความสามารถของเขา ซึ่งนักชกรายนี้นั้นทำผลงานได้สมบูรณ์ โดยฮ็อปกิ้นส์คว้าแชมป์โลกสมัยแรกในวัย 30 ปี เมื่อเขาครองเข็มขัดรุ่นมิดเดิลเวตของไอบีเอฟในปี 1995 จากนั้นเจ้าของฉายา “เพชฌฆาต” ก็ป้องกันตำแหน่งได้ถึง 20 สมัย กลายเป็นสถิติสูงสุดของรุ่นมิดเดิลเวตจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้แฟนมวยทั่วโลกยกย่องว่าเป็นอีกหนึ่งนักชกที่ ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ แต่ผลงานที่น่าจดจำที่สุดของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่มีอายุ 40ปีไปแล้ว โดยในวัย 42 ปี ยอมรับว่าเขานั้นทำผลงานในการชกไว้อย่างน่าทึ่งอย่างไรก็ตามถึงแม้จะเสียแชมป์ให้ แชด ดอว์สัน ใน 2ไฟต์ต่อมา แต่ก็ไปกระชากเข็มขัดของไอบีเอฟจากทาโวริสคลาวด์ได้สำเร็จในปี 2013 ก่อนจะป้องกันแชมป์ได้ 1 สมัย ตามด้วยการชนะคะแนน เบย์บุต ชูเมนอฟ ทำให้ได้ครองตำแหน่งซูเปอร์แชมป์ของ ดับเบิ้ลยูบีเอ และ ไอบีเอ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ 2 ไฟต์สุดท้าย ในอาชีพของเขานั้นถึงแม้ว่าจะไม่น่าจดจำก็ตามแต่ เจ้าตัวครองแชมป์ 3 สถาบันได้ไม่ถึง 6เดือนก็มาแพ้ต่อ เซอร์เก โควาเลฟ ก่อนจะปิดฉากอาชีพหลังแพ้น็อกแบบตกเวทีต่อ โจ สมิธ จูเนียร์ ในเดือนธันวาคมปี 2016 ในวัย 51 ปี
ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com
แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย