เดชดำรงค์ แฟนมวยควรรู้จัก เป้าหมายสูงสุดที่ไม่สนเรื่องสังขาร

เดชดำรงค์ เป็นอีกหนึ่งยอดนักชกที่ปัจจุบันนี้พิสูจน์ฝีมือและความเก๋าลบคำสบประมาทเรื่องวัย 42 ปีได้หมดจด พร้อมตอกย้ำว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นประสบความสำเร็จได้ โดยไม่มีคำว่าสายเกินไป ซึ่งผลงานล่าสุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ย้ำและสำคัญที่สุดนั่นก็คือการที่เขานั้น ฟังเสียงหัวใจเป็นใหญ่ ตัวเองยังมีไฟ จะขอไปต่อให้ถึงที่สุด และหยุดที่การนั่งบัลลังก์แชมป์โลก ONE อีกสักครั้งในชีวิต

ล่าสุดนี้เรียกได้ว่าสุดยอดเลยจริงๆ  สำหรับ “ครูรงค์” เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค ดีกรีระดับอดีตแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวต ที่โชว์ความสามารถได้สุดยอด โดยอาศัยประสบการณ์ที่มากกว่า และความเก่าที่เหนือกว่าต้านทานความสดเอาชนะ ทีเคโอ. คู่ต่อสู้หนุ่มซุปตาร์การต่อสู้แบบผสมผสานจากแดนมังกร “บันหม่า ตั่วจี๋” เรียกได้ว่าชัยชนะครั้งนี้นั้นสร้างความตะลึงไปทั่วโลกแน่นอนเพราะมัน หักปากกาเซียนยับในศึก ONE: BATTLEGROUND III เมื่อ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ประกาศกร้าวเดินหน้าล่าเข็มขัดแชมป์โลก ONE เต็มสูบเพื่อหวนคืนสู่บัลลังก์ที่เคยครองอีกสักครั้งในชีวิต

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันนี้เจ้าตัวนั้น อายุมากแล้วและสิ่งสำคัญที่สุดในการขึ้นชกแต่ละครั้ง ก็มักจะถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาว่าทางด้าน เดชดำรงค์จะสามารถชนะได้หรือไม่ และไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมต้องเอาสังขารที่เยอะขึ้นสังเวียนจะมีคำถามและเสียงวิพากษ์วิจารณ์เสมอ

ไม่เข้าใจจริงๆว่า “ครูรงค์” ในวัย 42 ปี ซึ่งผันตัวไปเป็นครูมวยที่ Evolve MMA ค่ายศิลปะการต่อสู้ชื่อดังในสิงคโปร์เป็นเวลาถึง 8 ปี มีชีวิตที่ดีและรายได้ที่มั่นคงแล้ว ถึงตัดสินใจขึ้นสังเวียนอย่างไม่ยอมแก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่แข่งที่ดูยังไงก็เหนือกว่าทุกประตู ทั้งในเรื่องอายุ รูปร่าง และความแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีใครรู้ดีนอกจากตัวของเจ้าตัวเองนั่นแหละโดย เดชดำรงค์ได้เปิดใจไว้อย่างน่าสนใจและถือว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมาก ซึ่งเจ้าตัวนั้นก็ได้เผยว่า แรงบันดาลใจสำคัญที่เขาอยากกลับสู่สังเวียน และยังคงจำไม่เคยลืมนั่นก็คือว่าเหตุการณ์ที่เคยเสียตำแหน่งแชมป์โลก ONE ให้แก่ “โยชิตากะ นาอิโตะ” นักสู้จอมเก๋าจากแดนซามูไร เมื่อ 27 พ.ค.59 ต่อหน้าครอบครัวและแฟน ๆ ชาวไทยในบ้านเกิด ความพ่ายแพ้นั้นหนักหนาสาหัส และกลายเป็นบาดแผลที่กลัดหนองในใจเขาตลอดมา

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมันทำให้ยังคงฝังรากอยู่ในหัวใจ เปรียบดังเหมือนกับบาดแผลในใจ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดมันก็มีข้อดีนั่นก็คือการที่มันนั้นกลายเป็นแรงผลักดันของภารกิจกู้บัลลังก์แชมป์โลก ONE และสร้างความภูมิใจให้ตนเองอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งชัยชนะเหนือ บันหม่า ในไฟต์ล่าสุดเป็นการโหมไฟนักสู้ให้ลุกโชติช่วงยิ่งกว่าเคย “ผมรู้สึกดีใจกับชัยชนะครั้งนี้มากครับ เพราะเป็นตามแผนการชกที่วางไว้ และพิสูจน์ให้เห็นว่าผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจแค่ไหนในการกลับมาสู้อีกครั้ง”

“อย่างไรก็ตามรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่า ยอมรับว่าสภาพร่างกายอาจทำให้ผมพลาดบ้างหรือเสียบเปรียบบ้าง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเรียนตามตรงว่าผมรู้ตัวเองดี และเคล็ดลับที่ดีที่สุดนั่นก็คือผมฟังหัวใจของผมมากกว่า ถ้าใจผมบอกว่ายังไหว ยังไงผมก็จะสู้ต่อจนกว่าจะถึงเป้าหมาย ผมอยากขอท้าชิงแชมป์โลกอีกครั้งเพื่อเอาเข็มขัดคืนครับ” “ส่วนคนที่เคยสบประมาทผมก็ไม่ว่ากัน แล้วแต่ความคิดเห็นส่วนบุคคล และก็อยากขอบคุณแฟน ๆ ที่ให้กำลังใจผมมาตลอดถึงผมจะไม่ได้ลงแข่งมานานแล้ว ผมก็พร้อมจะสู้เต็มที่ทุกไฟต์ เพราะหัวใจบอกให้สู้ครับ”

สำหรับ “ครูรงค์” หากย้อนกลับไปกลับเส้นทางของวงการมวยนั้น เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สำคัญมากในวงการมวยไทย ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกยกให้เป็นระดับเจ้าตำนาน จากอดีตถึงปัจจุบันนี้ชายผู้นี้นั้นคลุกคลีบนเส้นทางนักสู้มากว่า 30 ปี ซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตนั่นก็คือการที่พ่อที่ชอบดูมวย ส่งผลทำให้คุณพ่อนั้นได้หัดซ้อมมวยให้เขาเพื่อความสนุกสนาน  แต่ชีวิตก็พลิกผันให้ก้าวขึ้นสังเวียนครั้งแรกด้วยค่าตัว 70 บาท ก่อนจะสั่งสมกระดูกมวยและขยับไปแข่งขันในเวทีใหญ่ ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์กว่า 350 ไฟต์ จนคว้าแชมป์มวยไทยจากสนามมวยเวทีลุมพินีมาครองถึง 3 รุ่น ก่อนจะตัดสินใจอำลาวงการมวยไทย ทิ้งไว้เพียงชื่อเสียงในฐานะตำนาน

โดยประวัติคร่าวๆนั้น ชื่อจริงๆนั้นก็คือ “เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค” หรือ “ธำรง ทองใย” พื้นเดิมแล้วเป็นคนใต้จังหวัดตรังโดยกำเนิด ลืมตาดูโลกในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2521 และจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เขานั้นรู้จักมวยไทยและฝึกฝนมวยไทย ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนกระโดดเข้าสู่เวทีเมืองหลวงในวัย 16 ปี สังกัดค่ายมวยลูกบ้านใหญ่ ภายใต้ชื่อ “เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค”

และผลงานที่โดดเด่น คลองใจแฟนมวยจนถึงทุกวันนี้นั่นก็คือการที่เขานั้นได้เป็น แชมป์โลกมวยไทยสนามมวยเวทีลุมพินีถึง 3 รุ่น ตั้งแต่รุ่น 105, 108 และ 112 ปอนด์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นประสบการณ์โชกโชน ขึ้นชกมากกว่า 300 ไฟต์ก่อนแขวนนวมในปี 2013 อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็ได้เอาความสามารถของตัวเองนั้น รับงานเป็นครูสอนมวยไทยที่ค่าย Evolve MMA และเริ่มฝึกบราซิลเลียนยิวยิตสูด้วยความสนใจ หลังจากที่เห็นการเรียนการสอนบ่อยครั้ง ในวัย 36 ปี เดชดำรงค์กลับมาสร้างชื่ออย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง ในฐานะแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวตคนแรกของรายการ แม้จะเสียแชมป์ไปในปี 2016 แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งให้ได้

สถิติการต่อสู้แบบผสม
คะแนนรวม 6
ชนะ 6
โดยการน็อก 2
โดยการยอม 2
โดยการตัดสิน 2
แพ้ 0

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย