สมรักษ์ ขอโอกาสพิสูจน์ฝีมือคุมมวย ในยุคที่มืดมนไร้เหรียญทอง

สมรักษ์  เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ทนไม่ได้กับกระแสมวยไทยในตอนนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อค่ำคืนวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว ที่นักกีฬาของประเทศไทยนั้น โดยเฉพาะมวยสากลชาย ที่ไม่ได้เหรียญทองมาแม้แต่วันเดียว แต่กลับเป็นฝ่ายหญิงได้สร้างประวัติศาสตร์ โดยทางด้าน อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย ล่าสุดก็ได้ออกมาเปิดใจพร้อมประกาศเป็นนัยๆหรือเปล่าไม่แน่ใจ สำหรับที่เจ้าตัวนั้นเผยว่า

ขอท้าและมั่นใจเป็นอย่างมากว่าถ้าตนเองนั้นสามารถมีโอกาส ได้เข้าไปคุมทีมมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ยอมรับเลยว่าจะใช้ความสามารถที่มีนั้นในการสอนใช้คิวบาสไตล์มาสอนให้กับนักมวยทีมชาติทุกคน อย่างไรก็ตามเคล็ดลับความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือพร้อมที่จะดึง นักมวยเหรียญโอลิมปิกที่เคย ได้เหรียญทองมาร่วมสต๊าฟทำงาน

เพราะเชื่อว่าคิวบาสไตล์ดีที่สุด ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าวงการมวยสากลสมัครเล่น เปลี่ยนไปมากหากเทียบกับเมื่อก่อนแต่เชื่อ 100% ว่า จะทำผลงานให้กับทีมมวยสมัครเล่นไทยดีขึ้นแน่นอน ซึ่งตอนนี้ก็รออย่างเดียวนั่นก็คือว่า ผู้บริหารสมาคมมวยสมัครเล่นของไทยจะให้โอกาสแสดงฝีมือหรือไม่ ถึงตนจะไม่ได้เรียนด้านโค้ชมาแต่ขอใช้ประสบการณ์ โอลิมปิก 4 สมัย มาถ่ายทอดวิชาให้รุ่นน้องในโครงการ “พี่ช่วยน้อง” พร้อมกับยืนยันจะคัดเอาคนที่เก่งที่สุด โดยไม่มีคำว่าเด็กใครเด็กมันเป็นอันขาด

ถือว่าเป็นความผิดพลาดของประเทศไทยหรือเปล่า ที่ไม่สามารถเอาเหรียญทองมาเชยชมในปีนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าปิดฉากไปแล้ว สำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อค่ำคืนวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยนั้นยังคงคาใจอยู่นั่นก็คือครั้งนี้ไทยได้มา 1 เหรียญทอง จากเทควันโด โดย “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และ 1 ทองแดง จากมวยสากลสมัครเล่นหญิง “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี เรียกได้ว่าถึงแม้ว่าจะได้เหรียญทอง แต่กลับไม่ใช่เป็นมวยซะแล้ว ซึ่งในครั้งนี้โดยเฉพาะกีฬามวยสมัครเล่นของไทยหยิบเหรียญกู้ชื่อกลับมา โดยคิวบาคว้ามาได้ถึง 4 เหรียญทอง จากกีฬามวยสมัครเล่น

ซึ่งในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นมันทำให้ ฮีโร่ของคนไทยคนแรกที่ได้เหรียญอย่าง “บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกที่แอตแลนต้าเกมส์ 1996 ได้เผยถึงความเป็นไปได้หากประเทศไทยอยากจะคว้าเหรียญทอง ว่า “จริงๆ ฮีโร่ของคนไทยนั้นเคยบอกกับทางด้านสมาคมมวย และ โค้ชไปแล้วทุกครั้งที่ได้เจออยากให้เน้นคิวบาสไตล์มาใช้กับนักชกไทยมากกว่าเดิม

แต่สิ่งที่ได้กลับมาและคำตอบที่ได้กลับมานั่นก็คือว่า เทคนิคการให้คะแนนเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามที่เห็นตนว่า ถ้านักมวยของเราหลบหลีกได้ แล้วตอบโต้กลับคืนเราก็ชนะได้เช่นกัน ตนจำได้ว่าได้ไปดูมวยชิงถ้วยพระราชทานคิงสคัพเมื่อไม่กี่ปี ตนเห็นวุฒิชัย มาสุข ชกกับคู่แข่งแลกกันดุเดือดในช่วง 2 ยก ตนขออนุญาตผู้ใหญ่ของสมาคมลงไปสอนวุฒิชัยให้ใช้การชกคิวบาสไตล์ ปรากฏว่ายก3เราชนะเขาขาดลอย”

“และที่สำคัญที่สุดต้องยอมรับว่าไม่ว่ายุคไหน ฮีโร่สมรักษ์ เชื่อมันเหลือเกินว่าถ้าเราชกแบบดักต่อยคุ่แข่งได้มากกว่า และผลที่ตามมานั่นก็คือเราสามารถชนะแน่ จะเห็นได้ว่าไม่แปลกใจหรือว่าการที่คิวบาได้มา 4 เหรียญทองมานั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ อย่างวันที่ ฉัตร์ชัยเดชา ชกกับมวยคิวบา จะเห็นว่าสไตล์ของมวยคิวบาทำได้ดีกว่า ถ้าผมมีโอกาสทำทีมนะผมมั่นใจว่าอย่างในซีเกมส์มีแน่ๆ 5 เหรียญทอง ผมอยากพิสูจน์ตัวเองอยุ่ที่ว่าผู้บริหารจะให้ลองมั้ย ถ้าไม่ดีทำไม่ได้ก็เลิก”

“อยากจะดึงนักมวยที่เคยได้เหรียญทองโอลิมปิกทั้ง วิจารณ์ พลฤทธิ์ ซึ่งดีกรีนั้นหลายคนทราบกันดีหากย้อนกลับไปเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง นักมวยเหรียญทองคนที่ 2 ต่อจาก สมรักษ์ คำสิงห์ โดยชนะการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกครั้งที่ 27 ที่ซิดนีย์ ประเทศ พ.ศ. 2543 มนัส บุญจำนงค์ นักมวยสากลสมัครเล่นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก จากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่ประเทศกรีซ นับเป็นชาวไทยคนที่ 5 ที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิก และเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นคนที่ 3 ต่อจากสมรักษ์ คำสิงห์ และ วิจารณ์ พลฤทธิ์

และ สมจิตร จงจอหอ เจ้าของวลีเด็ด ผมเจ็บมาเยอะ สำหรับดีกรีเป็นถึงนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาวไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย เหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย และได้รับเกียรติให้เป็นผู้เชิญธงชาติไทย นำคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ในพิธีปิดโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 26 โดยทางด้านฮีโร่สมรักษ์คำสิงห์นะอยากจะได้ทั้ง3 คนนี้ มาร่วมทีมงานรวมถึงนักมวยระดับเหรียญโอลิมปิกมาร่วมด้วยเพราะว่ามีดีกรีให้นักมวยรุ่นน้องเห็น แบ่งกันดูนักมวยคนละ 2 ราย ทำแข่งกันแต่ซ้อมด้วยกันโดยมีผมเป็นหัวหน้าโค้ชมาร่วมมือกัน ผมมั่นใจว่าทุกคนมีฝีมือ มีศักยภาพพอ เป็นสีสัน พี่ช่วยน้อง ซึ่งผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ในทีมไปแล้วก็อยู่ที่ว่าท่านจะให้โอกาสแสดงฝีมือหรือไม่”

อย่างไรก็ตาม อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย สมรักษ์ ยังทิ้งท้ายอีกว่า เป็นคำพูดที่เชื่อว่าคนไทยนั้นได้อ่านถึงกับจุกแน่นอนสำหรับ ทีมมวยสมัครเล่นประสบความสำเร็จคนไทยก็มีความสุข ซึ่งปัจจุบันนี้ผลงานก็ออกมาอย่างที่เห็น จึงต้องเอาคนที่เก่งที่สุดไปเป็นตัวแทนเหมือนกับยุคของ ฮวน ฟอนตาเนียล โค้ชชาวคิวบาที่เคยฝากผลงานเอาไว้ในอดีต จะไม่มีว่าเด็กใคร เด็กมัน สังกัดที่ไหน ถ้าข้องใจก็มาคัดเลือกกัน เพื่อให้ได้ตัวแทนที่ดีที่สุด

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย