แก้ว พงษ์ประยูร ยกโตเกียวเกมส์ตัดสินโปร่งใส นักชกไทยมีเหรียญแน่

แก้ว พงษ์ประยูร ออกมาแสดงความคิดเห็นและยืนยันถึงความ มั่นใจโตเกียวเกมส์ตัดสินโปร่งใสกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน และเชื่อว่าประเทศไทยนั้นจะมีนักชกได้เรียนติดมือมาแน่ ก่อนหน้านี้สร้างความเสียหายไม่น้อยสำหรับวงการมวยสากลในโอลิมปิกเกมส์ หากย้อนไปก็ปัจจุบันนี้ก็นับ 10 ปีแล้ว สำหรับเรื่องราวลบๆ กับเรื่องราวระยะเวลาที่ผ่านมาสำหรับเรื่องราวของการ ตัดสินที่ไม่เป็นธรรมและมีข้อกังขาให้ได้เห็นเป็นประจำ ซึ่งหลังจากนั้นก็ทำให้พวกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ได้เข้ามาสะสางปัญหาด้วยการแบน สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (ไอบ้า) ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดการแข่งขัน แล้วตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลจัดแข่งเองในศึก “โตเกียวเกมส์ 2020” เป็นครั้งแรก

หนึ่งที่ยังคงสร้างความเจ็บปวดให้คนไทยเสมอมา และไม่มีใครที่จะเจ็บปวดไปเท่าเขาคนนี้อีกแล้วสำหรับ “แก้ว พงษ์ประยูร” เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักชกที่น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่เหมาะสมมากที่สุด ถึงเรื่องความไม่โปร่งใสของการตัดสินตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แก้ว พงษ์ประยูร เป็นภาพที่ยังคงติดตาคนไทยที่เขาทรุดตัวลงบนผืนผ้าใบพร้อมปล่อยน้ำตาลูกผู้ชายให้ไหลออกมาด้วยความเจ็บช้ำ หลังแพ้คะแนนต่อ โจว ซื่อหมิง คู่ชกจากจีนแบบค้านสายตา 10-13 หมัด

ในรอบชิงชนะเลิศ ศึกมวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์ฟลายเวท 49 กิโลกรัม ในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ  อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้เจ้าตัวนั้นก็ได้ผันตัวมาเป็นสตาฟฟ์โค้ชในทีมมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ใช้ประสบการณ์มาคอยแนะนำและเฝ้าดูพัฒนาการของมวยรุ่นน้องมาโดยตลอด ซึ่งเจ้าตัวมองว่า “โตเกียวเกมส์” ครั้งนี้แตกต่างกว่าเมื่อก่อนชัดเจน

“นักชกชาวไทยของเรานะน่าสนใจว่าการที่ ได้ไอโอซีมาจัดการแข่งขันในครั้งนี้เป็นเรื่องที่เยี่ยมมากเลยทีเดียว การตัดสินใสสะอาดไม่มีข้อครหาเลย แต่หากย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เจ้าตัวนั้นวิธีนับหมัดแต่ไม่มีการโชว์คะแนนขณะชก ค่อยมาโชว์ทีเดียวหลังจบยก เราเลยไม่รู้ว่าหมัดที่เราชกเข้าเป้าไปได้คะแนนไหม แต่ตอนนี้ใช้วิธีมองภาพรวมเป็นหลักเหมือนมวยสากลอาชีพ ใครแข็งแรงกว่า มีทรงมวยดีกว่า ขยันออกหมัดและต่อยเข้าเป้ามากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะในแต่ละยก

ซึ่งที่ผ่านมามันมีข้อครหาเพราะมีกรรมการจากไอบ้าเป็นคนให้คะแนน พอได้ไอโอซีมาเลือกกรรมการด้วยตัวเองทุกอย่างมันก็ยุติธรรมมากขึ้น” พร้อมยืนยันว่าถ้าหากกลับมาชกในยุคนี้เชื่อว่าคงจะได้เหรียญทองอย่างแน่นอน “ผมชอบอยู่แล้วต่อยสไตล์มวยอาชีพเนี่ย เข้าทางผมเลย ผมเป็นมวยสไตล์เดินลุยขยันออกหมัดอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นตอนนี้ที่มีการให้คะแนนที่โปร่งใส ถ้าผมเกิดช้ากว่านี้หน่อยผมเชื่อว่าผมได้เหรียญทองแน่นอน” 

อย่างไรก็ตามยังเผยอีกว่า นักชกรุ่นน้องที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในโตเกียวเกมส์ สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้าย ได้ถึง 3 รุ่น จากทั้งหมด 4 รุ่นที่ส่งไปชิงชัย ทั้งหมดนี้ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้สามารถยืนยันว่าจะได้เหรียญทองแดงเป็นอย่างต่ำ ไม่ว่าจะเป็น  “สด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี กำปั้นวัย 36 ปี รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กิโลกรัม ที่ชกโอลิมปิกเป็นสมัยที่ 3 และนักชกหญิง “เฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ รุ่นฟลายเวท 51 กิโลกรัม กับ “แต้ว” สุดาพร สีอนดี รุ่นไลท์เวท 60 กิโลกรัม โดยมีเพียง ใบสน มณีก้อน นักชกสาววัย 19 ปี รุ่นเวลเตอร์เวท 69 กิโลกรัม ที่จอดป้ายในรอบ 2 เพียงรายเดียว

“ตามต้องยอมรับว่าการผ่านเข้ารอบ 8 คน 3 จาก 4 รุ่นที่ส่งมาถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว โอกาสที่นักมวยไทยจะได้เหรียญติดมือมีสูงมาก ผมเชื่อว่ามีอย่างน้อย 2 คนแน่นอน แต่จะถึงเหรียญทองหรือไม่นั้นต้องมาดูกันอีกครั้ง” แก้ว กล่าว “ปัจจัยสำคัญมาจากนักมวยเราที่เตรียมตัวมาดีมาก

ขณะที่คู่แข่งอีกหลายชาติดร็อปลงไปเยอะ นักมวยที่มาดูไม่ค่อยแข็งเท่าปีก่อน ๆ ปีนี้เราแทบไม่เห็นนักมวยจากอุซเบกิสถานหรือคาซัคสถานที่เคยมีผลงานดีผ่านเข้ารอบลึก ๆ เลย เช่นเดียวกับมวยหญิงที่เกาหลีเหนือซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเต็งก็ไม่ส่งนักกีฬามาแข่งขัน”

“ผมมองว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดมีผลต่อการเก็บตัวและฝึกซ้อมในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งการไม่มีแมตช์ขึ้นชกทำให้ต้องวัดกันที่การฝึกซ้อมว่าใครซ้อมมาดีกว่า ซึ่งนักมวยของเราได้สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย ดูแลอย่างดี มีการเก็บตัวฝึกซ้อมต่อเนื่อง”

“ฉัตร์ชัยเดชา ที่ผ่านมาชกได้ดีมาก แต่รอบนี้เจอของแข็งอย่างคิวบา ผมมองว่าโอกาส 50-50 ประสบการณ์ในโอลิมปิกพอ ๆ กัน แต่คู่แข่งมีประสบการณ์ชกในรายการใหญ่มากกว่า อยู่ที่จังหวะว่าใครจะดีกว่ากัน ผมมองว่าวันนี้สดพร้อมหมดทุกด้านทั้งประสบการณ์ ร่างกาย และพละกำลัง ส่วนแผลที่แตกมาในรอบที่แล้วนั้นผมได้ติดต่อไปถามอาการทันทีตั้งแต่วันนั้น ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร แค่นวมเฉี่ยวไปโดนสะเก็ดแผลเปิดเฉย ๆ”

“ด้านผู้หญิง สุดาพรมีลุ้นเลย เจอกับนักมวยอังกฤษน่าจะสูสี เป็นมวยซ้ายด้วยกันทั้งคู่ เมื่อมาเจอกันต้องดูว่าใครจะมีความถนัดมากกว่า ส่วนจุฑามาศแม้ประสบการณ์ขึ้นชกจะน้อยแต่ก็อยู่ฝึกซ้อมในทีมชาติมานาน ครั้งนี้ผลงานดีมีกำลังใจ มีลุ้นเช่นกัน”

โปรแกรมขึ้นชกรอบ 8 คนสุดท้าย 1 สิงหาคม 09.00 น. รุ่นฟลายเวท 51 กิโลกรัมหญิง : จุฑามาศ จิตรพงศ์ (23 ปี) พบ บูเซนาซ ชาคิโรกลู จากตุรกี (25 ปี / เหรียญเงินชิงแชมป์โลก 2019) 15.30 น. รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กิโลกรัมชาย : ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี นักชกวัย (36 ปี) พบ ลาซาโร อัลบาเรซ จากคิวบา (30 ปี / เหรียญทองแดงโอลิมปิก ปี 2012 และ 2016) 3 สิงหาคม 10.50 น. รุ่นไลท์เวท 60 กิโลกรัมหญิง : สุดาพร สีอนดี (29 ปี) พบ แคโรลีน ดูบอยส์ จากสหราชอาณาจักร (20 ปี / เหรียญทองยูธ โอลิมปิก 2018)

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย