โสภณ นาถนุกูล ผู้ก่อตั้งไฟต์ เปิดใจ สังเวียนมวยข้างถนนที่โด่งดัง

โสภณ นาถนุกูล ผู้ก่อตั้งไฟต์ คลับ ไทยแลนด์  ที่ให้คนมาต่อยกัน เพื่อผูกสัมพันธ์ภาพ“ ในระหว่างที่ผมเริ่มทำ เรื่องระเบียบปฏิบัติกฎข้อตกลง ไม่มีอะไรเลย ก็แค่เอาผ้าพันแผลมาพันมือ มาต่อยกัน ตั้งกล้องถ่ายรูปถ่ายเล่นๆเพียงพอมีเพื่อนฝูงคนนึงของผม เขาถ่าย แล้วเอาไปเผยแพร่ อัพลงในอินเทอร์เน็ต มันก็เริ่มดัง เลยทำต่อมาเรื่อย” คำว่า ไฟต์ คลับ คนประเทศไทยจำนวนหลายชิ้น คงจะคุ้นชื่อนี้อย่างดีเยี่ยม ในฐานะภาพยนตร์เรื่องดัง ที่แสดงนำโดย กางรด พิตต์ (Brad Pitt) แล้วก็เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน (Edward Norton) ซึ่งเล่าถึงสองตัวนำ ที่ร่วมตัวกัน สร้างกรุ๊ปนักสู้ใต้ดิน เพื่อต้านทานระบบของสังคม จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นแรงผลักดัน ของารกำเนิดกรุ๊ปนักสู้ใต้ดิน หลายที่ในโลกที่เรื่องจริง

“แรงผลักดันเล็กน้อย พวกเราเอามาจากภาพยนตร์ขอรับ ตัวอย่างเช่น ชื่อกรุ๊ป ที่ทำให้พวกเรามารวมกัน แม้กระนั้นพวกเรามิได้คิดจะเป็น แบบในรูปภาพยนตร์ อะไรขนาดนั้น” สิ่งที่มองเห็น ผ่านทางภาพยนตร์ เป็นกรุ๊ปไฟต์ คลับ ที่ปั่นป่วนเมือง วางระเบิด ชิงทรัพย์ต่างๆนานา โน่นไม่ใช่เหตุผล การรวมตัว

ของกรุ๊ปไฟต์ คลับ ไทยแลนด์ เพราะเหตุว่าจุดกำเนิด ของไฟต์ คลับ ไทย มีภาพที่ผิดแผกออกไป จากในรูปภาพยนตร์ “พวกเรามิได้ตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมา เพื่อสู้รับกับผู้ใด หรือมีปัญหากับคนไหนกันแน่ สำหรับผม ที่ไฟต์ คลับ เกิดขึ้น เพราะว่าพวกเราเห็นว่านี่เป็นกีฬาแนวใหม่ เป็นราวกับกีฬาเอ็กซ์ตรีม อีกชนิดหนึ่ง”

“ผมคิดว่าชาวไทยมีความเป็นนักมวย นักสู้ อยู่ในเชื้อสาย แม้กระนั้นธรรมดา กีฬาชกมวยแปลงเป็นเรื่องเฉพาะ ของนักมวย หรือนักกีฬา ผมก็เลยรู้สึกว่า หากพวกเรามาต่อยมวยกัน เสมือนพวกเราเล่นกีฬาอื่น เตะบอล เตะฟุตซอล มันก็คงจะดี”

“ผมอยากที่จะให้มีพื้นที่ ให้คนเดินดินสามารถลงมาต่อยมวยได้กีฬาเหล่านี้ ธรรมดามันไม่มีให้เล่นธรรมดาทั่วๆไปพวกเราเลยทดลองสร้างมันมอง”คนประเทศไทยจำนวนมาก บริหารร่างกายด้วยกีฬาจำพวกต่อสู้ อีกทั้ง มวยสากล มวยไทย หรือเทควันโด้ บางบุคคลเว้นแต่บริหารร่างกายเพื่อสุขภาพแข็งแรงหรือไว้เป็นวิชาป้องกันตัว พวกเขาปรารถนาพื้นที่ ซึ่งเปิดโอกาสได้ทดลองต่อสู้ตามวิชาความรู้ที่ได้เล่าเรียน หรือซ้อมมา“สมัยเก่า ผมเป็นคนถูกใจบริหารร่างกายซ้อมต่อยมวยต่อยกระสอบ ที่บ้านอยู่แล้วผมก็ต้องการทดลองต่อยนะแม้กระนั้นมันไม่มีที่ให้พวกเรา ได้ทดลองปล่อย” กระเป๋า – ชนะวรศาสตร์หนึ่งในคณะทำงาน ของไฟต์ คลับ ไทยแลนด์กล่าว “เพื่อนพ้องผมคนนึง เขาก็มาเสนอแนะว่า ให้ทดลองไปต่อยที่ไฟต์ คลับ ไทยแลนด์ ตอนผมมาต่อย เป็นเพียงแค่คู่ที่ 7 เอง เพียงพอผมได้มาทดลองอะไรอย่างนี้ ผมชอบใจเลย”

สังเวียนไฟต์คลับมิได้เป็นเพียงแต่พื้นที่ สำหรับเหล่านักกีฬา ที่ต้องการหาพื้นที่โชว์ความรู้ความเข้าใจ ในกีฬาต่อสู้ แม้กระนั้นเวทีนี้ ให้โอกาสให้กับสำหรับทุกคน ที่พอใจ เดินเข้าสู้สังเวียนข้างทาง ด้วยแผนการที่ไม่เหมือนกัน แพทย์ ตำรวจ ทหาร บุคลากรสำนักงานพ่อค้าคนทำงานก่อสร้างคนขับไปจนกระทั่งผู้ต้องขังเป็นแบบอย่างของกลุ่มชนที่เคยขึ้นสู้บนสังเวียนไฟต์ คลับ ตลอด ุ ปีที่ล่วงเลยไปด้วยเหตุผลที่ไม่เหมือนกันออกไป“บางบุคคลมาต่อยตรงนี้ เนื่องจากว่าเพียงแค่ต้องการหรูก็มีนะ บางบุคคลเขาต้องการจะชนะใจตัวเองต้อง

การเอาชนะความหวาดกลัวที่มี เขาก็เลยมาเวทีที่นี้มาทดลองตนเองมาทดลองหัวใจ”ชนะ กล่าว นักสู้ที่มาขึ้นสังเวียนในสังเวียนที่นี้ มีตั้งแต่ว่าอายุ 18 ปี (ถ้าหากเด็กกว่านั้นจะต้องมีผู้ดูแล มารับดูที่ข้างสนาม)ไปจนกระทั่งแก่สุด 47 ปี น้ำหนักตั้งแต่ 50 กิโล จนกระทั่งมากยิ่งกว่า 100 โล บางบุคคลมาไกลจากจังหวัด จังหวัดชลบุรีจังหวัดระยองจังหวัดนครสวรรค์หรือภาคเหนือสุดอย่างจังหวัดเชียงราย

ผู้คนหลากหลาย นานับประการในสังคม เดินทางมาจากทั่วทุกที่ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่ต้องการทดลองขึ้นสังเวียน อย่างต่ำสักหนึ่งครั้ง แต่ละคนแสดงสีหน้าท่าทางแววตา ก่อนขึ้นสังเวียนแตกต่าง บางบุคคลแสนสงบนิ่ง บางบุคคลเปี่ยมด้วยความระทึกใจ บางบุคคลครึกครื้น เสมือนได้มาทำสิ่งหวานใจ ในตอนสุดสัปดาห์

หนึ่งเหตุผล ที่ทำให้กลุ่มของผู้คนจากทั่วทุกที่ ต่างกันชนชั้นในสังคม มารวมตัวกัน ที่ไฟต์คลับไทยแลนด์ ด้วยเหตุว่าเวทีที่นี้ ไม่ใช่พื้นที่สำหรับบริหารร่างกาย ด้วยกีฬาต่อสู้เพียงอย่างเดียว แต่ว่าซ่อนเร้นด้วยอุดมการณ์ ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ซึ่งต้องการช่วยปรับปรุง รวมทั้งเปลี่ยนสังคมไทย “ทีแรกๆก็ยังไม่มีอุดมการณ์หรอกครับผมเพียงแค่ต้องการบริหารร่างกายพอเพียงผมเริ่มต่อย ได้มองเห็นคนอื่นๆต่อย ผมก็เลยเริ่มมองเห็นอุดมการณ์” งามเผย “ผมต้องการมองเห็นเมืองไทยลดการใช้อาวุธ ความร้ายแรง”

“คนหัวร้อน มีอารมณ์ ขุ่นเคืองกัน โกรธกัน มันคือเรื่องธรรดาครับผม แม้กระนั้นพวกเรามีพื้นที่ให้ สำหรับพวกหัวรุนแรง คนใจร้อน มาพบกันตรงนี้ มาเสวนากัน ที่ตรงนี้ เป็นหลักที่ให้ท่านสู้ ไม่ต้องออกไป ตีกันด้านนอก ถ้าหากคุณต้องการสู้ ผมมีพื้นที่ให้ท่านสู้ ไม่ต้องออกไปตีกันด้านนอก” เกิดเรื่องยาก ที่จะพูดว่า นักสู้ที่มาขึ้นสังเวียน ในสังเวียน ไฟต์ คลับกว่าร้อยชีวิต แต่ละคนได้อะไรกับไปบ้าง แต่ว่าสำหรับผู้จัดตั้งอย่าง งาม ที่นาถนุกูล ชายที่เริ่ม อยู่กับสังเวียนนี้ ตั้งแต่วันแรก เวทีนี้ได้สลับตัวเขา ไปๆมาๆกมายอย่างยิ่ง “ตัวผม จากคนใจร้อนมีปัญหามีเรื่องมีราวผมใช้ความรุนแรงผมทำผู้ได้รับบาดเจ็บเคยติดตะรางผมดำเนินชีวิตมาแบบห่วยๆผมเลิกแล้วผมพอแล้วการใช้กำลังในยุคนี้ มันไม่ใช่แล้วขอรับในยุคนี้สังคมยุคนี้ จะต้องเป็นสมัยแข่งขันกัน หาเลี้ยงชีพมากยิ่งกว่า”

โดยทั่วไป สถานที่การต่อสู้ของ ไฟต์ คลับจะเป็นหลักที่ที่โล่งแจ้งอีกทั้งลานเตียนโล่ง ข้างทางหน้าตลาดนัดใต้ทางด่วนสังเวียนที่นี้ พร้อมจัดได้ทุกครั้ง ไม่ต้องเครื่องไม้เครื่องมือ ระเบียบแบบแผนอะไรเยอะมากให้ยุ่งยากเสียเวล่ำเวลา แบบที่พวกเรามองเห็น ในสังเวียนมวยทั่วๆไป ของเมืองไทย แนวทางการทำงานของไฟต์ คลับ ไทยแลนด์

ยังคงเป็นในต้นแบบเดิม มีลูกพี่ลูกน้อง มารอช่วยเหลือดำเนินงานกัน คนละไม้คนละมือ แม้ว่าจะมีปัญหาทุลักทุเลบ้างแต่ว่าคณะทำงานทุกคน จัดงานนี้ด้วยใจจริงรักล้วนๆเพราะว่าคณะทำงานแทบทุกคน เป็นสมัยก่อนนักสู้ ที่เคยขึ้นสังเวียนแลกเปลี่ยนหมัด บนสังเวียน ที่นี้มาทั้งนั้น“ภายหลังที่ผม

ได้ขึ้นสังเวียนตรงนี้ผมคิดว่าที่ตรงนี้มันโอเคผมต้องการจะรักษาที่ตรงนี้ไว้ต้องการจะเข้ามา ช่วยเติมเต็มให้กับกิจกรรมนี้ เข้ามาทำอะไรสักอย่าง ให้มันดำรงอยู่ถัดไป” ชนะ วรศาสตร์ เผยเหตุผล ที่เขาเลือกสลับตัวเอง จากนักสู้ปกติ เข้ามาช่วยเหลือ จนกระทั่งเป็นคณะทำงานคนสำคัญ ของไฟต์ คลับ ไทยแลนด์ ในตอนนี้ หลายท่านอาจมองว่า ไฟต์ คลับ

เป็นเวทีการต่อสู้ ที่ราวกับสังเวียน ที่ไม่มีกฎ ไม่มีเวทีมาตรฐาน ไม่มีเชือก มีเพียงแค่พื้นเบาะยางปกติ สถานที่ต่อสู้ มิได้อยู่ในสนาม อารีน่า หรือสตูดิโอใหญ่มโหฬาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรก ที่ยังไม่มีการใช้นวมมวย สำหรับเพื่อการต่อสู้

ทำให้ภาพลักษณ์ของไฟต์ คลับ ถูกเห็นว่า เป็นการต่อสู้ ที่มองชั่วร้าย และก็ร้ายแรง เกินเรื่องจริง และไม่อยากที่จะให้การต่อสู้นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะ บางบุคคลคิดว่าเกิดเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ได้แก่การใช้กำลังอย่างไม่เป็นประโยชน์ “แน่ๆครับผม มันมีเสียงต้านทาน แม้กระนั้นว่าตามตรงนะ ผมมิได้ห่วงใย” งามกล่าว“ผมต้องการที่จะให้เขามาสัมผัส มาวินิจฉัยพวกเราด้วยตัวเอง มาดูให้เห็นมากับตาไม่ใช่วินิจฉัยไปก่อนด้วยเรื่องของความร้ายแรง วินิจฉัยไปกับภาพที่คุณรังเกียจ”

ความจริงแล้ว ไฟต์ คลับ

มีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีเยี่ยม ก่อนจัดงานแต่ละครั้ง มีคณะทำงานที่พร้อมช่วยคุ้มครองป้องกัน การบาดเจ็บ ของทั้งยังนักสู้และก็ผู้ชม มีรถพยาบาล แพทย์ พยาบาล ผู้รอบรู้ทางหมอ เพื่อรอช่วยเหลือ นักสู้ที่บางทีอาจได้รับบาดเจ็บ หรือมีปัญหาด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ข้างหลังการต่อสู้ รวมทั้งเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆตัวอย่างเช่น นวม กระจับ เพื่อรอคุ้มครอง ให้นักสู้เจ็บ เป็นอันตรายรุนแรงต่ำที่สุด

เวลาเดียวกัน เรื่องกฎข้อตกลงรการต่อสู้ มีการกำหนดไว้อย่างแจ่มแจ้ง สิ่งใดทำเป็น สิ่งใดทำไม่ได้ ก่อนที่จะมีการต่อยทุกคราว คณะทำงานจะอบรมกฎข้อตกลงให้เหล่านักสู้อย่างดีเยี่ยมเวลาการต่อสู้ของทุกไฟต์จะเสมอกันที่ 3 นาที การจบลงของไฟต์ จะเกิดขึ้นเมื่อ 3 นาทีจบลง หรือนักสู้ผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่อาจจะต่อสู้ ถัดไปได้ นับว่าเป็นอันจบไฟต์ ที่สิ้นสุดลง ไม่มีการประกาศว่าคนไหนกันเป็นผู้ชนะ หรือผู้ใดกันเป็นผู้แพ้

“การไม่มีผู้ชนะและก็ผู้แพ้ เป็นกฎที่แน่นอนของพวกเรา เพียงพอพวกเรามีกฎนี้ ทำให้เวทีของพวกเรา ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการพนัน หรือการเดิมพัน” งาม เปิดเผยถึงความมุ่งมั่น ของไฟต์ คลับ

ที่ทำให้ภาพของเวทีนี้ ยิ่งผิดแผกแตกต่าง จากเวทีทั่วๆไป “สำหรับผม สิ่งที่ไฟต์ คลับ ไทยแลนด์ เป็นอยู่ เป็นสังเวียนลูกผู้ชาย เวทีของการให้เกียรติกัน การเป็นสุภาพบุรุษ” ชนะ กล่าวเพิ่มเติมอีก ถึงความหมายของเวทีที่นี้

“ส่วนตัวนะ ผมมีความพากเพียร ต้องการจะเปลี่ยนแปลงมุมมองของพวกเขา กลุ่มของผู้คนที่ดูพวกเราไม่ดี แม้กระนั้นถ้าเกิดในที่สุดแล้ว เขามีอคติกับพวกเรา ผมอาจทำอะไรมิได้ หากพวกเราทำเต็มกำลังแล้ว แต่ว่ามันเปลี่ยนแปลงอะไรมิได้ ก็อาจจะจำต้องปล่อยไป” ไม่ว่าใคร จะวินิจฉัยไฟต์ คลับ ว่าเป็นยังไง ? แม้กระนั้นเสียงตะเบ็ง โห่ร้อง และก็เสียงตบมือ ดังกระหึ่ม เป็นสิ่งที่แสดงได้อย่างดีเยี่ยม ว่าการมาสัมผัส ประสบการณ์ไฟต์ คลับ ไทยแลนด์ ทำให้ผู้ชมแต่ละคน คิดเช่นไร กับการต่อสู้ลักษณะนี้

“มาต่อยที่ไฟต์ คลับ สิ่งที่ได้กลับไปเป็นมิตรภาพนะครับ” นักสู้หลายท่านพูดถึงคำนี้ ภายหลังที่พวกเขาได้ก้าวลง จากเวทีเบาะยาง ผ่านสังเวียนลูกผู้ชายมาหมาดๆเป็นคำบอกเล่าที่เชื้อเชิญฉงน ถ้าย้อนไปถึงตอน 3 นาที ของการต่อสู้ แต่ละไฟต์ ต่อยกันอย่างตั้งใจ เสมอเหมือนโกรธกันมา ตั้งแต่ชาติที่ผ่านมา ดุดันมากกว่ามวยอาชีพ ในขณะที่ไม่มีเรื่องผลแพ้-ชนะ เงินรางวัล สายรัดเอวแชมป์ ศักดิ์ศรี มาเป็นพนัน แต่ว่าภาพที่ได้มองเห็น ข้างหลังจบการต่อสู้ นักสู้สองคนเดินกอดคอกัน ออกนอกเวที คุยกันขออภัย ขอโพยกัน บางบุคคลสลับกันแอดเฟซบุค หรือผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่มาต่อย เป็นเพื่อนที่รู้จักกัน เคยไปทานข้าวร่วมกัน นอกสังเวียนมาแล้ว “ผมเห็นว่า มันไม่ใช่แค่กิจกรรม กิจกรรมหนึ่ง มันเป็นการรวมกลุ่ม ผู้ที่ถูกใจอะไรเช่นกัน ใช้จิตใจคุยกัน ใช้หมัดคุยกัน” ชนะ แสดงความเห็น

“ส่วนตัว ผมมีความรู้สึกว่า สิ่งที่พวกเราต้องการจะเสนอเป็น ถึงพวกเราจะต่อยกันหนักมากแค่ไหน พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ คนมาต่อยกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องชิงชังกัน จำต้องอุตสาหะเอาชนะกัน แต่ว่าที่พวกเรามาต่อยกัน มารวมตัวกัน พวกเรามาเพื่อหามิตรภาพ” “พวกเราบางทีอาจมิได้เงิน พวกเรามิได้รางวัล แม้กระนั้นพวกเราได้มิตรภาพกลับไป พวกเรามาสู้กัน แสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พวกเรามิได้หวังอะไรกลับไป เพียงแค่อยากได้สหาย” “ที่จริงแล้ว พวกเราจะต้องขอบพระคุณคู่ต่อย ด้วยไปขอรับ ที่มาเป็นเพื่อนต่อยกับพวกเรา เสมือนเตะบอลครับผม พวกเราจะเตะได้อย่างไร ถ้าหากไม่มีเพื่อนฝูงมาเตะด้วย”

หลายคน ที่ได้มาต่อยในไฟต์ คลับ พวกเขาได้รับการบอกต่อ หรือเชิญชวน จากเพื่อนฝูงที่เคยมาต่อย ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยพาเพื่อนพ้อง เมีย หรือลูกน้อย มารอเป็นอย่างยิ่งหัวใจข้างสนาม ในยามที่เขา ขึ้นเวที ไปพิสูจน์หัวใจ ของตน นอกเหนือจากการเป็นมิตรภาพ ระหว่างคนภายในกรุ๊ป หรือกลุ่มนักต่อยไฟต์ คลับ ร่วมกันแล้ว ทางไฟต์ คลับ ยังมีกิจกรรมดีๆส่งต่อมิตรภาพ ของพวกเขาออกไปอีก ด้วยกระบวนการทำโครงงาน “หมัดปันความมีน้ำใจ” เพื่อช่วยเหลือผู้ไม่ค่อยได้รับโอกาศ ทางด้านสังคม โดย ไฟต์ คลับ ไทยแลนด์ เดินหน้าตามทางของตน

โดยตลอด มิได้พอใจเสียงรอบกาย ที่รอวิพากษ์ ถึงเรื่องความเหมาะสมต่างๆพวกเขาเดินตาม แนวคิดที่เชื่อ จัดงานกิจกรรม อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสังเวียนที่นี้ ยังคงอยู่ และก็เติบโตถัดไป บางบุคคลมาต่อยครั้งเดียว แล้วมิได้กลับมาอีก บางบุคคลมาต่อยทุกหน ที่ได้โอกาส บางบุคคลผันตัวจากนักต่อย มาเป็นคณะทำงานแต่ว่าไม่ว่าใคร จะมาที่เวที

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย