muaytoday LINE : @mtdfc
muaytoday
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2024 3:36 AM
muaytoday
muaytoday
หน้าหลัก » ข่าวมวย » ท็อปน้อย กิวรัมย์ นักชกแทบหมดอนาคต แต่พลิกชีวิตบนสังเวียน UFC

ท็อปน้อย กิวรัมย์ นักชกแทบหมดอนาคต แต่พลิกชีวิตบนสังเวียน UFC

อัพเดทวันที่ 14 มิถุนายน 2022 เข้าดู 123 ครั้ง

ท็อปน้อย กิวรัมย์  นักชกไทยคนแรกที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ พาธงชาติไทยไปปักบนสังเวียน UFC  น้ำตาที่ไหลบนเวที คือ ความรู้สึกและอารมณ์ที่เกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด ของชายไทยคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสให้ไปต่อสู้ในรายการที่รับรองโดย UFC 

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับมันก็คือว่าถึงแม้ว่าการชนะ ยูมะ โฮริอูจิ คู่ชกชาวญี่ปุ่น จะไม่ยิ่งใหญ่อะไรมากมายนะแต่นี่คือ นักสู้ชายไทยคนแรกถูกไปเลือกแข่งขันในรายการ Road to UFC  แต่สำหรับ ท็อปน้อย กิวรัมย์ นักสู้ชายไทยคนแรก นี่คือก้าวยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาเคยคิดไว้ จากดาวรุ่งแห่งสังเวียนราชดำเนิน วันหนึ่งชีวิตของเขาพลิกพัน จนสู่จุดติดลบเกือบหมดอนาคตในเส้นทางนักสู้อาชีพแล้ว  ไม่น่าเชื่อว่า การโดนยุงกัดเพียงแค่คืนเดียว จะทำให้เจ้าตัวคิดใหม่ทำใหม่ เปลี่ยนใจกลับมาสู้ต่ออีกครั้ง ยอมเหนื่อยเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ก่อนกลายเป็น ท็อปน้อย กิวรัมย์ นักสู้ MMA ชายไทยที่กำลังจะเป็นความหวังใหม่บนเวที UFC 

ท็อปน้อย กิวรัมย์

สำหรับจุดเริ่มต้นของนักชกรายนี้ก็คือ เริ่มต้นชกมวยครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี ไฟต์แรกของชีวิต  “ผมเอาชนะน็อคคู่ชก ตั้งแต่ยกแรก ผมจำชื่อไม่ได้ จำได้แค่ว่า เราต่างไม่เป็นมวยด้วยกันทั้งคู่ ขึ้นมาก็หลับหูหลับตาสาวหมัดอัดกันทันที” “ไม่รู้ว่าผมต่อยแม่นหรือมั่วกันแน่ เพราะไปต่อยโดนเต็มหน้าคู่ต่อสู้ร่วงลงไปให้กรรมการนับสิบ ผมจึงเป็นฝ่ายชนะน็อค แต่ได้ค่าตัว 200 บาทเท่ากัน ผมดีใจจนลืมเจ็บเลยครับ จากนั้นขึ้นชกสร้างกระดูกอยู่ 2 ปี ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ ทนงศักดิ์เล็ก ศิษย์โอ” 

“เพราะคุณโอ บุรีรัมย์ เจ้าของค่าย และ นนทชัย ศิษย์โอ รุ่นพี่หมู่บ้านเดียวกัน จึงนำผมมาฝากซ้อมตั้งแต่ชกไฟต์แรก แน่ใจว่าเป็นมวยแล้ว ขึ้นชกหลังจากนี้คงไม่ทำให้เสียชื่อค่ายแน่ จึงอนุญาตให้ใช้ชื่อค่ายศิษย์โอครับ”  ด้วยความที่ ค่ายศิษย์โอ ทำมวยส่งป้อนค่ายชูวัฒนะที่กรุงเทพ เมื่อเห็นว่าทนงศักดิ์เล็กเริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนมวยจึงส่งเข้าเมืองกรุง แต่เจ้าตัวอยากชกบ้านนอกเพราะมีอิสระมากกว่า

“ผมมาอยู่กับเฮียอั้งม้อ (ชูเจริญ รวีอร่ามวงศ์) ใช้ชื่อ ทนงศักดิ์เล็ก ชูวัฒนะ แม้จะคิดถึงบ้าน แต่ช่วงแรกๆก็โชว์ฟอร์มดีอยู่หรอก” “มาหลังๆ ได้ค่าตัวเพิ่มขึ้น พอมีเงินก็เริ่มกินเหล้าเข้าสู่วงจรอุบายมุข ติดเที่ยวติดเกเรไม่ตั้งใจซ้อม ฟอร์มจึงดิ่งลง ชกแพ้บ้างชนะบ้าง ช่วงหลังสภาพแย่จนแพ้บ่อย ลูกพี่ก็ตำหนิเกิดความน้อยใจ จึงตัดสินใจลงใต้ไปเป็นเทรนเนอร์ค่ายสุวิทย์ยิม ที่ จ.ภูเก็ต”

ท็อปน้อย ยังไม่ทันไปถึงจุดสูงสุดในอาชีพ และหันหลังให้เวทีผืนผ้าใบ เปลี่ยนสายเป็นไปเทรนเนอร์ ในช่วงแรกทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เขามีส่วนช่วยในการปั้น นิเชาว์ สุวิทย์ยิม เด็กในค่ายให้ก้าวขึ้นเป็นมวยที่มีชื่อเสียง ท็อปน้อย จึงเลือกปักหลักอยู่ภูเก็ต กระทั่ง ส.จ.สุวิทย์ ว่องไว หัวหน้าคณะมีมีปัญหาสุขภาพ ไม่มีเวลาดูแลนักมวย ประกอบกับช่วงวัยอายุของ ท็อปน้อย กับเด็กในค่ายไม่ห่างกัน ทำให้นักชกไม่เชื่อฟังเขา ท็อปน้อย จึงตัดสินใจลาออกจากค่าย แม้ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้

ท็อปน้อย กิวรัมย์

“พอลูกพี่สุวิทย์ป่วย ระเบียบวินัยในค่ายก็เริ่มหย่อนยาน ตัวผมเองก็แก่กว่านักมวยไม่มาก อยู่กันแบบพี่น้อง นักมวยบางคนก็ไม่เชื่อฟังผม ผมรู้ทันทีว่าคุมนักมวยไม่อยู่แน่ จึงขอลาออก” “ออกจากค่ายสุวิทย์ยิมใหม่ๆ ผมไม่รู้จะทำอะไร จึงไปสมัครเป็นยาม แค่วันแรกผมเข้ากะดึก นั่งอดหลับอดนอนให้ยุงกัดทั้งคืน ผมบอกกับตัวเองว่า งานนี้คงไม่เหมาะกับผม แต่ก็อดทนทำอยู่ 3 เดือน”

“จน ฟ้าสุชล ศิษย์โอ รุ่นพี่บุรีรัมย์บ้านเดียวกัน ชวนมาอยู่ค่ายไทเกอร์มวยไทย ผมจึงได้กลับมาต่อยมวยอีกครั้ง โดยทำงานเป็นทั้งเทรนเนอร์และขึ้นชกในชื่อ เสือน้อย ไทเกอร์มวยไทย” ตอนแรกก็ตั้งใจซ้อมจนชนะหลายไฟต์ ได้ชกออกทีวีทั้งศึกอัศวินดำและศึกราชดำเนินซุปเปอร์ไฟต์ จนมีค่าตัวประมาณ 4-5 หมื่นบาท รวมทั้งได้ชิงแชมป์ 122 ปอนด์เวทีราชดำเนิน แต่แพ้คะแนน สุรชัย ศรีสุริยันโยธิน”

“ผมยอมรับว่าเป็นคนเบื่อง่าย ถึงจะตั้งใจชกจนเป็นที่พอใจของเฮียม้อ แต่จู่ๆ ก็หมดแรงจูงใจไปซะเฉยๆ

“ผมจึงตัดสินใจลงใต้อีกครั้ง โดยกลับไปเป็นนักมวยและเทรนเนอร์ที่ค่ายไทเกอร์มวยไทยอีกครั้ง และทางค่ายไทเกอร์มวยไทยแนะนำให้เขาลองหัดศิลปะการต่อสู้แขนงอื่น ชักชวนให้เขารู้จักกีฬา MMA เนื่องจาก MMA สามารถสร้างรายได้มากกว่าชกมวยไทย กลายเป็นว่ากลับมาสอนมวยและขึ้นชกที่ใต้รอบนี้ ถูกเทรนเนอร์ชาวต่างชาติจับฝึก MMA ซะอย่างนั้น

“โค้ชต่างชาติที่สอน MMA ให้ผมมี 4 คนคือ เพราะแค่ฝึกก็รู้สึกชอบแล้วครับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถดีครับ” ไฟต์แรกในกีฬา MMA ของ ท็อปน้อย มาเร็วเกินคาด ในศึก Full Metal Dojo 10 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2559 ที่สุขุมวิท

ท็อปน้อย กิวรัมย์

โดยเขาได้ขึ้นรายการเจอกับ ยอดไก่แก้ว แฟร์เท็กซ์ ด้วยความที่ได้รายการชกเร็วเกินคาด จึงไม่ทันได้ตั้งชื่อเตรียมไว้ เผอิญว่าในรายการเดียวกันมี ศักดิ์สุรินทร์ ไทเกอร์มวยไทย เพื่อนร่วมค่ายไปชกด้วย

ผมรู้สึกว่าการต่อสู้แบบ MMA มีสีสันมากกว่าชกมวยไทย หลังชั่งน้ำหนักเสร็จ ต้องยืนจ้องหน้าให้ทีมงานเก็บภาพ”

“ตอนั้นผมจึงเอาหัวไปโขกหน้าผากยอดไก่แก้ว เขาทำหน้างงก่อนแสดงความไม่พอใจจนทีมงานต้องมาแยกออกจากกัน”

“ผมสารภาพตามตรงว่าผมเกร็งและเครียดมาก ถึงวันชกผมยังยั่วยวนยอดไก่แก้วสารพัด ดูเขาโกรธจริงนะครับ พอเริ่มยกแรก เขาเดินเข้ามาเปิดหน้าท้าแลกหมัดทันที ผมชอบอยู่แล้ว จึงแลกหมัดด้วยแบบใครดีใครอยู่”

“จังหวะที่ผมหมุนศอกกลับใส่ ปรากฏว่าพลาดเป้า จึงโดนยอดไก่แก้วต่อยขวาสวนกลับมาเต็มหน้าจนขาพันกันเสียหลักล้ม กรรมการเข้าใจว่าผมโดนหมัดเต็มเหนี่ยว จึงจับแพ้ทีเคโอแค่ยกแรก”

ความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ MMA ไฟต์แรก เป็นบทเรียนให้ กลับมาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง แล้วขึ้นไปสู้จนกู้ชื่อชนะรวด 5 ไฟต์ เป็นการชนะน็อคถึง 4 ไฟต์ นั่นจึงกลายเป็นใบเบิกทางให้ Rizin Fighting Federation หรือ Rizin ติดต่อไปชกที่ประเทศญี่ปุ่น 3 ไฟต์ ชนะรวดอย่างสวยงาม

และล่าสุดเกมการต่อสู้ล่าสุด ระหว่าง โฮริอูจิ กับ ท็อปน้อย จบลงด้วยชัยชนะของนักสู้ชาวไทย ทำให้เขาได้ผ่านเข้ารอบต่อไป และเหลือเพียงชนะอีกแค่ 1 นัด “ท็อปน้อย” ก็จะได้สัญญาอาชีพจาก UFC ทันทีที่เจ้าตัวทราบว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ “ท็อปน้อย” ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ณ วินาทีนั้น

เขาระเบิดอารมณ์ออกมาแบบไม่อายสายตาใคร เพราะชีวิตของเขาผ่านอะไรมาเยอะเหลือเกิน จากจุดที่เคยติดลบ แทบหมดอนาคตในเส้นทางนักสู้ไปแล้ว แต่วันนี้เขาคือ ชายไทยคนแรกที่คว้าชัยในการแข่งขันที่ถูกจัดโดย UFC … และเหลือเพียงแค่นัดเดียว หากเขาเอาชนะคู่ชกได้ สัญญาอาชีพ 1 ปีจะตกเป็นของเขาทันที

ติดตามข่าวสารทุกวงการมวยได้ที่ muaytoday.com

แทงมวยออนไลน์ ราคาน้ำที่ดีที่สุดในประเทศไทย

ข่าวมวย ล่าสุด